“”

Aenean nec eros. Vestibulum ante ipsum primis in faucibus orci luctus et ultrices posuere cubilia curae. Suspendisse sollicitudin velit sed leo.

หมวดหมู่
  • Blog
  • News
  • Program-1
  • Sharks
  • Wildlifes
From Gallery
Stay Connected
WildAidThai
  • Home
  • About
    • ABOUT
    • AMBASSADORS
  • NEWS
    • NEWS
  • PROGRAMS
    • WILDLIFE
    • SHARKS
  • VIDEOS
  • CONTACT

ป้ายกำกับ: WildAidThailand

Home / WildAidThailand
16ตุลาคม
2025
StAR Project Thailand

ภาคีอนุรักษ์โครงการ StAR Project Thailand ทั้งในและต่างประเทศ ร่วมปล่อยฉลามเสือดาวสามตัวแรกที่ติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณเสียงติดตามการเคลื่อนที่คืนสู่ธรรมชาติเป็นครั้งแรกในไทย

16 ตุลาคม 2025
wildaidth
Blog, News
0

จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย (16 ตุลาคม 2568)  – โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรฉลามเสือดาว หรือ โครงการ StAR ประเทศไทย (Stegostoma tigrinum Augmentation and Recovery) ประสบความสำเร็จในการปล่อยฉลามเสือดาว (Stegostoma tigrinum) ที่ติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณเสียง (Acoustic tag) ติดตามการเคลื่อนที่คืนสู่ธรรมชาติจำนวน 3 ตัว จากพื้นที่โรงแรมเกาะไม้ท่อน ซึ่งตั้งอยู่ที่เกาะห่างจากชายฝั่งจังหวัดภูเก็ตไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 9 กิโลเมตร ในวันที่ 9 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา หลังเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการร่วมกับภาคีความร่วมมือระดับนานาชาติจากหลายภาคส่วน ในเดือนพฤษภาคม 2568 นับเป็นการปล่อยฉลามเสือดาวคืนสู่ธรรมชาติครั้งแรกของประเทศไทย

Maya
Similan
Ginger

ฉลามเสือดาวทั้งสามตัว ได้แก่ มาหยา (Maya), สิมิลัน (Similan) และ จิงเจอร์ (Ginger) ที่เกิดจากความสำเร็จของโครงการเพาะพันธุ์ฉลามเสือดาวของอควาเรีย ภูเก็ต (Aquaria Phuket) ปัจจุบันมีอายุเฉลี่ยหนึ่งปีครึ่งและมีความยาวประมาณหนึ่งเมตร ได้รับการอนุบาลโดยเจ้าหน้าที่ดูแลฉลามโครงการ StAR ประเทศไทยเพื่อปรับตัวให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมทางทะเลตามธรรมชาติ  และฝึกการหาอาหารด้วยตนเองในพื้นที่คอกทะเลบนเกาะไม้ท่อน 

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของฉลามเสือดาวก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ สัตวแพทย์จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และ โอเชียนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) พันธมิตรสำคัญของโครงการ ได้ตรวจและประเมินสุขภาพของฉลามเสือดาวทั้งสามตัวอย่างละเอียด ก่อนการติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณเสียงเพื่อติดตามการเคลื่อนที่และปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ โดยเครื่องส่งสัญญาณเสียงนี้มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 5 ปี และสามารถส่งสัญญาณเสียงความถี่เฉพาะตัวที่ตรวจจับได้โดยเครื่องรับสัญญาณเสียงใต้น้ำ (Acoustic receiver)

โครงการ StAR ประเทศไทยร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) ติดตั้งเครื่องรับสัญญาณเสียงใต้น้ำบริเวณอ่าวพังงา จํานวน 20 จุด ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดพังงา กระบี่ และภูเก็ต เพื่อประโยชน์ในการติดตามการเคลื่อนที่ฉลามเสือดาวหลังการปล่อยสู่ธรรมชาติ พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่อ้างอิงจากข้อมูลโครงการวิทยาศาสตร์พลเมือง ‘Spot the Leopard Shark – Thailand’ ว่าเป็นจุดที่มักพบฉลามเสือดาวและเป็นแหล่งอาศัยสำคัญของฉลามชนิดนี้ เครื่องรับสัญญาณเสียงใต้น้ำถูกติดตั้งครอบคลุมแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย เช่น หินมูสัง (Shark Point), กองหินบิดะ, บิดะใน, เกาะพีพีเล และเกาะราชาใหญ่ โดยทุกครั้งที่ฉลามที่ติดเครื่องส่งสัญญาณเสียงว่ายเข้ามาในรัศมี 500 เมตร ของเครื่องรับสัญญาณเสียงใต้น้ำ อุปกรณ์จะบันทึกข้อมูลวันที่และเวลาที่ตรวจจับสัญญาณเสียงได้โดยอัตโนมัติ

การปล่อยฉลามเสือดาวครั้งนี้จัดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการโดยมีผู้แทนจากพันธมิตรโครงการ StAR ประเทศไทยเข้าร่วม ได้แก่ ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.), ดาโต๊ะ ไซม่อน ฟุง กรรมการผู้จัดการกลุ่มอควาวอล์ค (Aquawalk Group), คุณดาริล ฟุง  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอควาวอล์ค (Aquawalk Group), ตัวแทนจากโรงแรมเกาะไม้ท่อน, ReShark, องค์กรไวล์เอด (WildAid) และทีมงานโครงการ StAR ประเทศไทย


เพื่อสนับสนุนการติดตามฉลามที่ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ โครงการ StAR ประเทศไทย ขอความร่วมมือนักดำน้ำงดสัมผัสหรือเคลื่อนย้ายอุปกรณ์รับสัญญาณเสียงใต้น้ำ อุปกรณ์เหล่านี้มีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย และมีความสำคัญต่อการวิจัย หากพบอุปกรณ์ที่ชำรุดหรือเสียหาย โปรดแจ้งเข้ามาที่เพจ “Spot the Leopard Shark – Thailand” พร้อมทั้งขอเชิญชวนนักดำน้ำร่วมโครงการวิทยาศาสตร์พลเมืองด้วยการส่งภาพถ่ายหรือวิดีโอของฉลามเสือดาวที่พบในน่านน้ำไทย ผ่านในช่องทางเดียวกัน การมีส่วนร่วมดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการติดตามระยะยาวของฉลามเสือดาวที่ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติและการประเมินแนวโน้มประชากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากฉลามที่พบเห็นเป็นหนึ่งในฉลามภายใต้โครงการนี้

ขณะนี้โครงการกำลังอยู่ระหว่างการดําเนินการประเมินความสามารถในการดํารงอยู่ของประชากรฉลามเสือดาว (Population Viability Analysis – PVA) โดยข้อมูลดังกล่าวจะถูกนําไปวิเคราะห์ในโมเดลการฟื้นตัวของประชากรเพื่อตรวจสอบความเสี่ยงการสูญพันธุ์ของฉลามชนิดนี้ในประเทศไทยและวางแนวทางอนุรักษ์ เพื่อกำหนดจำนวนฉลามเสือดาวที่จำเป็นสำหรับการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ และมาตรการติดตามหลังการปล่อย 

ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าโครงการจะดําเนินการปล่อยฉลามเสือดาวกลุ่มที่สองกลับคืนสู่ธรรมชาติอย่างเป็นทางการและจะเริ่มเก็บข้อมูลจากเครื่องรับสัญญาณเสียงใต้น้ำที่ติดตั้งแล้วร่วมกับพันธมิตรภาครัฐ เพื่อติดตามการเคลื่อนที่ของฉลามเสือดาวสามตัวแรกต่อไปโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรฉลามเสือดาว หรือ StAR ประเทศไทย เป็นโครงการระดับนานาชาติริเริ่มโดยองค์กร ReShark ร่วมกับภาคีความร่วมมือระดับนานาชาติจากหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐของไทย ภาคเอกชน และองค์กรอนุรักษ์ ได้แก่ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.), กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.), กรมประมง (ปม.), อควาเรีย ภูเก็ต (Aquaria Phuket), โรงแรมเกาะไม้ท่อน, องค์กรไวล์ดเอด (WildAid), องค์กรโอเชียน บลู ทรี (Ocean Blue Tree) และนักวิจัยด้านฉลามและกระเบนกลุ่ม Thai Sharks and Rays โดยมีเป้าหมายเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรฉลามเสือดาว (Stegostoma tigrinum) สัตว์ป่าคุ้มครองใกล้สูญพันธุ์ของไทย ที่มีบทบาทสำคัญต่อการรักษาความสมดุลของระบบนิเวศแนวปะการัง ด้วยวิธีการเพาะเลี้ยง ปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ และดำเนินโครงการอิงหลักวิทยาศาสตร์

สอบถามเพิ่มเติมและประสานงานได้ที่ : 

ณัฐนันท์ ผาริวงค์ ผู้ประสานงานโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรฉลามเสือดาว องค์กรไวล์ดเอด

โทร. 095-395-2423 | อีเมล: natthanan@wildaid.org

เมธาวี จึงเจริญดี ผู้จัดการโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรฉลามเสือดาว องค์กรไวล์ดเอด

โทร. 081-821-9612 | อีเมล: metavee@wildaid.org

ภัทรนันท์ ศุภางคะนันทน์ เจ้าหน้าที่โครงการและฝ่ายสื่อสารอาวุโส องค์กรไวล์ดเอด

โทร. 089-520-4555 | อีเมล: patranan@wildaid.org

Leopard SharksharksStARProjectThailandWildAidThailandzebrasharkฉลามฉลามเสือดาวโครงการStARประเทศไทย
Read More
19พฤษภาคม
2025

ภาคีอนุรักษ์ระดับนานาชาติจับมือภาครัฐและเอกชนเปิดตัวโครงการ StAR ประเทศไทย เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรฉลามเสือดาวใกล้สูญพันธุ์

19 พฤษภาคม 2025
wildaidth
News
0

จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย (16 พฤษภาคม 2568) – โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรฉลามเสือดาว หรือ โครงการ StAR ประเทศไทย (Stegostoma tigrinum Augmentation and Recovery) ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่จังหวัดภูเก็ต โดยเป็นภาคีความร่วมมือระดับนานาชาติจากหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐของไทย ภาคเอกชน และองค์กรอนุรักษ์ ได้แก่ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) กรมประมง (ปม.) อควาเรีย ภูเก็ต โรมแรมเกาะไม้ท่อน องค์กรไวล์ดเอด (WildAid) องค์กรโอเชี่ยน บลู ทรี (Ocean Blue Tree) นักวิจัยด้านฉลามและกระเบน กลุ่ม Thai Sharks and Rays โดยมีเป้าหมายเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรปลาฉลามเสือดาวอินโด-แปซิฟิก (Stegostoma tigrinum) สัตว์ป่าคุ้มครองใกล้สูญพันธุ์ของไทย ที่มีบทบาทสำคัญต่อการรักษาความสมดุลของระบบนิเวศแนวปะการัง ด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงและปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติในถิ่นอาศัยดั้งเดิมของพวกมัน

ข้อมูลที่ได้จากการบอกเล่าของชุมชุนนักดำน้ำในไทยพบว่า ทะเลไทยเป็นแหล่งที่อยู่สำคัญของฉลามเสือดาว โดยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว นักดำน้ำจะเจอฉลามชนิดนี้เป็นประจำในฝั่งทะเลอันดามัน แต่ปัจจุบันพบเห็นได้น้อยลง โดยภัยคุกคามหลักของฉลามเสือดาวได้แก่ การถูกจับเป็นสัตว์น้ำพลอยได้ (bycatch) และการเสื่อมโทรมของแนวปะการัง ปัจจุบันฉลามเสือดาวมีสถานะ “ใกล้สูญพันธุ์” ทั้งในบัญชีแดงขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) และการประเมินสถานะของชนิดพันธุ์ที่กำลังถูกคุกคามภายในประเทศ หรือ Thailand Red Data โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)

โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรฉลามเสือดาว หรือ StAR ประเทศไทย เป็นโครงการระดับนานาชาติริเริ่มโดยองค์กร ReShark ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายความร่วมมือระดับนานาชาติที่ประกอบด้วยองค์กรอนุรักษ์กว่า 100 แห่ง รวมถึงสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ หน่วยงานภาครัฐ และพันธมิตรอื่น ๆ ที่มีเป้าหมายฟื้นฟูประชากรฉลามและกระเบนที่ใกล้สูญพันธุ์ทั่วโลก โดยเริ่มต้นขึ้นที่หมู่เกาะราชาอัมพัต ประเทศอินโดนีเซียเป็นที่แรกของโลกเมื่อปี พ.ศ. 2565 การเปิดตัวโครงการในประเทศไทยเป็นแห่งที่สองถือเป็นก้าวสำคัญ และสอดคล้องกับการที่ประเทศไทยยกระดับความสำคัญของฉลามเสือดาวให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองของไทย นอกจากนี้ ประเทศไทยยังถือเป็นแหล่งอาศัยสำคัญของฉลามเสือดาว โดยมีพื้นที่หลักสองแห่ง ได้แก่ หมู่เกาะพีพี และหมู่เกาะสิมิลัน-สุรินทร์ ได้รับการรับรองให้เป็น “พื้นที่สำคัญของฉลามและกระเบน” (Important Shark and Ray Areas – ISRAs) จากการพิจารณาโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านฉลามขององค์การ IUCN

โครงการในประเทศไทยเริ่มขึ้นอย่างไม่เป็นทางการเมื่อปีที่แล้ว โดยการสานต่อโครงการ “Spot the Leopard Shark – Thailand” ซึ่งเป็นโครงการวิทยาศาสตร์พลเมืองที่เชิญชวนให้นักดำน้ำร่วมส่งภาพถ่ายและวิดีโอการพบเห็นฉลามเสือดาวที่ถ่ายได้ในน่านน้ำไทย เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ประเมินจำนวน พฤติกรรมและแหล่งที่อยู่อาศัย โครงการนี้ริเริ่มครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2556 ที่หมู่เกาะพีพี โดยความร่วมมือระหว่าง ดร.คริสติน ดัดเจียน จากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย และ ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ จากศูนย์ชีววิทยาทางทะเล ภูเก็ต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จนถึงปัจจุบัน โครงการได้รวบรวมภาพถ่ายมากกว่า 1,332 ภาพ และสามารถระบุฉลามเสือดาวได้ 278 ตัว ระหว่างพ.ศ. 2547–2568 ซึ่งช่วยให้นักวิทยาศาสตร์มีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มประชากรและแหล่งอาศัยของพวกมัน

“เนื่องจากประชากรของฉลามและกระเบนยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง การฟื้นฟูเป็นเรื่องที่ท้าทายเนื่องจากพวกมันมีการเจริญเติบโตช้า โตเต็มวัยช้า และมีอัตราการสืบพันธุ์ต่ำ การเพาะเลี้ยงและปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ (rewilding) จึงเป็นความหวังสำคัญในการรักษาประชากรไว้และช่วยส่งเสริมอัตราการฟื้นตัวของประชากร นอกจากนั้น เรายังจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อลดภัยคุกคามทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อฉลามและกระเบน ตั้งแต่เรื่องการทำประมงเกินขนาดไปจนถึงการทำลายถิ่นอาศัย” เมธาวี จึงเจริญดี ผู้จัดการโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรฉลามเสือดาว StAR Project Thailand องค์กรไวล์ดเอด กล่าว

ขณะนี้ ทีมงานโครงการ StAR ได้เคลื่อนย้ายลูกฉลามเสือดาวจำนวน 9 ตัว อายุประมาณ 1 ปี 2 เดือน ขนาดประมาณ 80-110 เซนติเมตร ที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของ ‘อควาเรีย ภูเก็ต’ จากศูนย์ชีววิทยาทางทะเล ภูเก็ต ไปยังคอกทะเลที่สร้างขึ้นใหม่ที่โรงแรมเกาะไม้ท่อน ซึ่งจะเป็นแหล่งอาศัยชั่วคราวเพื่อให้ลูกฉลามปรับตัวก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในอนาคต


นอกจากนี้ โครงการอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ความสามารถในการดำรงอยู่ของประชากร (Population Viability Analysis) เพื่อประเมินความเสี่ยงของการสูญพันธุ์ของฉลามเสือดาวในประเทศไทย และคาดการณ์แนวโน้มการเพิ่มหรือลดลงของประชากรในอนาคต ผลจากการวิเคราะห์ดังกล่าวจะเป็นข้อมูลสำคัญในการกำหนดแนวทางการอนุรักษ์ในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงการกำหนดพื้นที่สำหรับปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ จำนวนฉลามเสือดาวที่เหมาะสมต่อการปล่อย รวมถึงการกำหนดมาตรการติดตามหลังการปล่อยเพื่อศึกษาอัตราการรอด

“ฉลามเสือดาว มีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเล ทำหน้าที่รักษาสมดุลของสิ่งมีชีวิตในทะเล อีกทั้งเป็นสัตว์ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวดำน้ำจากทั่วทุกมุมโลกให้เดินทางมายังประเทศไทย ที่ผ่านมากรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ดำเนินการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ประชากรฉลามเสือดาว ตลอดจนผลักดันให้ฉลามเสือดาวได้รับการประกาศเป็นสัตว์คุ้มครอง กรม ทช. ร่วมกับองค์กรภาคีที่เกี่ยวข้อง มีความพยายามอย่างยิ่งในการนำลูกปลาฉลามเสือดาวที่ได้จากการเพาะฟักมาเลี้ยงอนุบาล โดยนำมาฝึกเลี้ยง และฝึกให้กินอาหารเลียนแบบธรรมชาติในคอกเลี้ยง (sea pen) เพื่อให้ฉลามเสือดาวได้รับการปรับตัวก่อนที่จะปล่อยกลับคืนสู่ทะเล กระผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่วันนี้ได้เห็นความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ องค์กรอนุรักษ์ และภาคเอกชน ในการผนึกกำลังร่วมกันเพื่อที่จะอนุรักษ์ ฟื้นฟู และเพิ่มจำนวนประชากรฉลามเสือดาว ให้คงอยู่ในท้องทะเลไทยสืบไป” นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าว

โครงการ StAR ให้ความสำคัญกับขั้นตอนก่อนการปล่อยลูกฉลามคืนสู่ธรรมชาติ โดยให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางพันธุกรรม (genetics) การใช้ไข่ที่มาจากพ่อแม่พันธุ์ที่เหมาะสมจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำพันธมิตรทั่วโลก และทำการศึกษาอย่างเข้มข้น รวมถึงการตรวจวิเคราะห์ทางพันธุกรรมของพ่อแม่พันธุ์จาก อควาเรีย ภูเก็ต เพื่อยืนยันว่าลูกฉลามเหล่านี้เป็นกลุ่มพันธุกรรมเดียวกันกับที่พบในน่านน้ำไทย ลูกฉลามเสือดาว 9 ตัวแรกของโครงการ StAR ประเทศไทย มีที่มาจากความสำเร็จของโครงการเพาะพันธุ์ฉลามเสือดาวของอควาเรีย ภูเก็ต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอนุรักษ์ของบริษัท Aquawalk Group ที่มีเป้าหมายฟื้นฟูระบบนิเวศที่กำลังถูกคุกคาม และสนับสนุนการวิจัยที่สำคัญด้านความยั่งยืนทางทะเล


“อควาเรีย ภูเก็ต ภูมิใจที่เราเป็นสถานที่แรกในประเทศไทยที่สามารถเพาะพันธุ์ฉลามเสือดาวได้สำเร็จ ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถของบุคลากรและความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับสัตว์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเรา” คุณดารีล ฟุง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร อควาเรีย ภูเก็ต กล่าว

อควาเรีย ภูเก็ต มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถเพื่อสนับสนุนการให้ความรู้ ส่งเสริมการอนุรักษ์ และความยั่งยืนผ่านความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย นักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญภาคสนาม และหน่วยงานภาครัฐ “มหาสมุทรและระบบนิเวศทางทะเลมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอยู่รอดและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของโลกและมนุษยชาติ” คุณดารีล กล่าวเสริม “ผมหวังว่าเราจะสามารถส่งต่อความงดงามและความน่ามหัศจรรย์ของมหาสมุทรให้กับคนรุ่นต่อ ๆ ไปอีกหลายชั่วอายุคน”

คอกทะเลที่โรงแรมเกาะไม้ท่อน ซึ่งตั้งอยู่ที่เกาะห่างจากชายฝั่งจังหวัดภูเก็ตไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 9 กิโลเมตร จะเป็นบ้านชั่วคราวของลูกฉลามทั้ง 9 ตัวในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลฉลามดูแลอย่างใกล้ชิดในระหว่างที่พวกมันปรับตัวให้คุ้นเคยกับกระแสน้ำ คลื่น และระดับน้ำทะเลตามธรรมชาติ โดยจะมีการกระตุ้นพฤติกรรมการหาอาหารตามธรรมชาติ โดยการโปรยและซ่อนอาหารไว้ภายในคอกทะเล ตลอดจนเปิดโอกาสให้ลูกฉลามได้ค้นหาอาหารธรรมชาติประเภทอื่น ๆ ภายในพื้นที่ดังกล่าวด้วยตนเอง

“โรงแรมเกาะไม้ท่อน รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในภาคีภาคเอกชนสนับสนุนโครงการนี้ ในฐานะของการเป็นบ้านชั่วคราวให้กับลูกฉลามเสือดาวจำนวน 9 ตัว นับเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูความสมดุลของระบบนิเวศใต้ทะเล ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโรงแรมเกาะไม้ท่อน ได้ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ และร่วมดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินโครงการปลูกปะการังรอบเกาะไม้ท่อน ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือกิจกรรมดำน้ำเก็บขยะ ภายใต้เป้าหมายสูงสุดในการรักษาความสมดุลให้แก่ระบบนิเวศใต้ทะเล ตลอดจนฟื้นฟูและสร้างความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลไทย เพื่อส่งต่อความงดงามนี้สู่คนรุ่นต่อไป” นายเฉลิมพงษ์ ปทุมโชติสุวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ฮันนิมูน ไพรเวท ไอซ์แลนด์ (ภูเก็ต) จำกัด (โรงแรมเกาะไม้ท่อน) กล่าว

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา องค์กรไวล์ดเอด และโอเชี่ยน บลู ทรี ในฐานะองค์กรที่ดำเนินโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรฉลามเสือดาว StAR ในประเทศไทย ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในด้านเทคนิคการเก็บข้อมูลฉลามและกระเบนให้แก่เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐหลักทั้งสามกรม ได้แก่ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมประมง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของหน่วยงานพันธมิตรโครงการ StAR ในการผลักดันการอนุรักษ์ฉลามในประเทศไทยให้มีความก้าวหน้านอกเหนือจากความพยายามในการอนุรักษ์ชนิดพันธุ์ที่เสี่ยงสูญพันธุ์ อย่างฉลามเสือดาว

นอกจากนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมประมง จะทำงานร่วมกับภาคีในโครงการในส่วนของการระบุพื้นที่ที่มีความเหมาะสมสำหรับการปล่อยคืนธรรมชาติ การคุ้มครองและติดตามผลหลังการปล่อย และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่าคุ้มครอง

“โครงการศึกษาวิจัยฉลามครีบดำที่อ่าวมาหยา ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติฯ กับนักวิจัยจากกลุ่ม Thai Sharks and Rays แสดงให้เห็นแล้วว่า การสนับสนุนงานวิจัยร่วมกับการมีมาตรการจัดการการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพมีส่วนช่วยให้ประชากรฉลามกลับมายังถิ่นอาศัยเดิม ผมจึงเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำด้านการอนุรักษ์ฉลามได้ และกรมอุทยานฯ มีความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในโครงการนี้” นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าว

ขณะที่กรมประมงจะช่วยอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต่อการขนส่งไข่ของฉลามเสือดาวจากภาคีอื่น ๆ ของโครงการทั้งในและต่างประเทศในอนาคต

“กรมประมง ในฐานะหน่วยงานหลักในการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของแผนปฏิบัติการแห่งชาติเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการฉลามของประเทศไทย (NPOA-Sharks) มีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการศึกษาวิจัย และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการเพาะพันธุ์และการปล่อยฉลามคืนสู่ธรรมชาติ เรายินดีให้การสนับสนุนโครงการ StAR เพื่อฟื้นฟูประชากรฉลามเสือดาวกลับคืนสู่ทะเลไทยที่มีแนวปฏิบัติอิงตามหลักการทางวิทยาศาสตร์อย่างเข้มข้น” นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง กล่าว

โครงการ StAR ประเทศไทย จะดำเนินเข้าสู่ระยะที่สองในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ โดยจะมีการติดอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งให้กับลูกฉลามก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ขั้นตอนนี้จะช่วยให้โครงการสามารถติดตามการเคลื่อนย้ายของฉลามเสือดาว และจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีมาตรการคุ้มครองและติดตามอัตราการรอดหลังการปล่อยที่มีประสิทธิภาพ

Leopard SharkWildAidThailandฉลามเสือดาว
Read More
15กรกฎาคม
2024
Thailand Shark Fin Consumption Persists

องค์กรไวล์ดเอดเผยผลสำรวจพบ คนเมืองกินหูฉลามลดลงราว 34% ขอบคุณคนไทยที่ #ฉลองไม่ฉลาม

15 กรกฎาคม 2024
wildaidth
Blog, News
0

เนื่องในวันรู้จักฉลาม องค์กรไวล์ดเอด (WildAid) เปิดเผยรายงานผลสำรวจความต้องการบริโภคหูฉลามและเนื้อฉลามในประเทศไทย พ.ศ. 2566 จัดทำโดยบริษัทวิจัยแรพพิด เอเชีย (Rapid Asia) พบว่า คนไทยในเขตเมืองกินหูฉลามลดลงร้อยละ 34 ในช่วง 6 ปีมานี้ หรือเทียบเท่า การเสิร์ฟหูฉลามที่ลดลงไป 8.1 ล้านครั้ง

#NoSharkFinWildAidThailandฉลองไม่ฉลาม
Read More
19มิถุนายน
2024
WildAid Thailand and Ocean Blue Tree

ไวล์ดเอดเปิดตัวโครงการวิทยาศาสตร์พลเมือง “Spot the Leopard Shark – Thailand” ในงาน Thailand Dive Expo (TDEX) 2024 ชวนนักดำน้ำอัปโหลดภาพถ่ายฉลามเสือดาว

19 มิถุนายน 2024
wildaidth
Blog, News
0

ไวล์ดเอดเปิดตัวโครงการวิทยาศาสตร์พลเมือง “Spot the Leopard Shark – Thailand” ในงาน TDEXชวนนักดำน้ำอัปโหลดภาพถ่ายฉลามเสือดาว

Leopard SharkTDEXWildAidThailandฉลองไม่ฉลามฉลามเสือดาว
Read More
Latest Posts
StAR Project Thailand
ภาคีอนุรักษ์โครงการ StAR Project Thailand ทั้งในและต่างประเทศ ร่วมปล่อยฉลามเสือดาวสามตัวแรกที่ติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณเสียงติดตามการเคลื่อนที่คืนสู่ธรรมชาติเป็นครั้งแรกในไทย
16 ตุลาคม 2025
ภาคีอนุรักษ์ระดับนานาชาติจับมือภาครัฐและเอกชนเปิดตัวโครงการ StAR ประเทศไทย เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรฉลามเสือดาวใกล้สูญพันธุ์
19 พฤษภาคม 2025
Thailand Shark Fin Consumption Persists
องค์กรไวล์ดเอดเผยผลสำรวจพบ คนเมืองกินหูฉลามลดลงราว 34% ขอบคุณคนไทยที่ #ฉลองไม่ฉลาม
15 กรกฎาคม 2024
ป้ายกำกับ
#NoSharkFin calendar candles clothes Leopard Shark sharks StARProjectThailand TDEX training WildAidThailand zebrashark ฉลองไม่ฉลาม ฉลาม ฉลามเสือดาว โครงการStARประเทศไทย
Featured Video
https://vimeo.com/155588828?loop=0
Instagram

     Follow Me!

    HOME       ABOUT       NEWS      PROGRAMS       VIDEOS       CONTACT
    WildAid Thailand
    Copyright © 2023 WildAid Thailand. All Rights Reserved.